Get Adobe Flash player

การรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ของประเทศสมาชิกอาเซียนในอีก 2 ปีข้างหน้า จะส่งผลให้มีการเปิดเสรีทางด้านการค้า การลงทุน ธุรกิจบริการ รวมถึงแรงงานมีฝีมือ ทำให้ผู้ลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะจากประเทศสมาชิกอาเซียนเข้ามาแข่งขันและเพิ่มสัดส่วน การลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการไทยก็สามารถเข้าไปลงทุนและสร้างส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียนได้เช่นกัน รวมถึงสร้างโอกาสการค้ากับกลุ่มคู่ค้าสำคัญๆ อย่างเช่น ญี่ปุ่น จีน เกาหลี อินเดีย สหภาพยุโรป หรือสหรัฐอเมริกาได้อีกด้วย

สภาพการแข่งขันที่จะสูงขึ้นนี้ จะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ผู้ประกอบธุรกิจการค้าไทย ต้องเร่งพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน คุณภาพ และลดต้นทุนสินค้า ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่จะยกระดับความสามารถทางการแข่งขันทางด้านการค้าระหว่างประเทศ ให้กับผู้ประกอบธุรกิจการค้าไทย นั่นคือการพัฒนาประสิทธิภาพและการลดต้นทุนด้านการจัดการลอจิสติกส์ ที่จะเป็นภาคธุรกิจแรกๆ ที่เปิดเสรีเมื่อ AEC เสร็จสมบูรณ์

ดังนั้น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จึงได้แบ่งโครงสร้างของบริการลอจิสติกส์ไทย ไว้เป็น 5 ประเภท ได้แก่ การขนส่งสินค้า การจัดเก็บสินค้า บริการด้านพิธีการต่างๆ บริการงานลอจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการเสริม และบริการพัสดุและไปรษณียภัณฑ์ ปัจจุบันพบว่าผู้ประกอบการธุรกิจลอจิสติกส์ในประเทศไทย มี 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ ผู้ประกอบการขนส่งทางบก ขนส่ง ทางน้ำ ขนส่งทางอากาศ ตัวแทนออกของและตัวแทนขนส่ง และคลังสินค้า รวมกว่า 10,000 บริษัท และกว่าร้อยละ 80 เป็นผู้ประกอบการขนาดย่อมและขนาดกลางหรือ SMEs ส่วนผู้ให้บริการลอจิสติกส์แบบครบวงจร มักเป็นบริษัทข้ามชาติ หรือผู้ประกอบการไทยรายใหญ่ๆ เท่านั้น และแม้ผู้ประกอบธุรกิจบริการลอจิสติกส์ของไทยจะมีจุดแข็งที่ความยืดหยุ่นในการให้บริการ แต่เมื่อเปรียบเทียบต้นทุนลอจิสติกส์ของไทยซึ่งมีตัวเลขเฉลี่ยประมาณ 17.9% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ก็ยังสูงกว่าประเทศคู่แข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิงคโปร์และมาเลเซีย
ดังนั้น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ในฐานะหน่วยงานสนับสนุนผู้ส่งออก และผู้ประกอบธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ จึงต้องเร่งพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกและอุตสาหกรรมบริการด้านลอจิสติกส์ของไทย เพื่อมุ่งลดต้นทุนลอจิสติกส์ อย่างไรก็ตาม เรื่องที่อยากจะเตือนคือ ให้ผู้ประกอบการตื่นตัวในการพัฒนาศักยภาพ พร้อมทั้งเชิญชวนให้ติดตามข่าวสารจากสำนักลอจิสติกส์การค้า ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง และมีการจัดโครงการและกิจกรรมเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง อาทิ การนำคณะผู้ประกอบการของไทยเดินทางไปเจรจาการค้าในต่างประเทศเพื่อสร้างพันธมิตรทางการค้าพร้อมทั้งขยายตลาด รวมถึงการจัดโครงการลดต้นทุนลอจิสติกส์สำหรับผู้ส่งออก และโครงการศึกษาเส้นทาง การขนส่งเพื่อรองรับ การแข่งขันในอนาคต เป็นต้น

ที่มา : สยามธุรกิจ

 ระบบ GPS ติดตามรถส่วนบุคคลและขนส่งสินค้าทั่วไป

 

ระบบ GPS ติดตามรถขนส่งที่ใช้เครื่องรูดบัตรใบขับขี่

 

ระบบ GPS ติดตามรถส่วนบุคคลจับโขมยผ่านดาวเทียม

ประโยชน์ของระบบ GPS Real Time

เพิ่มประสิทธิภาพ การจัดการและงานบริการ ลดความยุ่งยาก,รายงานและข้อมูลเพื่อวางแผนธุรกิจ,ส่งสินค้าถูกที่ตรงเวลา
ลดต้นทุน ลดอุบัติเหตุ ข้อมูลเที่ยววิ่ง (เวลา,ระยะทาง,ใช้น้ำมัน) ควบคุมความเร็ว,จอดรถติดเครื่อง
รู้ทันพฤติกรรมทุจริต ดูดน้ำมันขาย,เติมน้ำมันไม่ตรงตามจริง,ออกนอกเส้นทาง,ใช้งานส่วนตัว
ป้องกันการโจรกรรม ติดตามรถและสินค้าคืนจากการถูกโจรกรรม